วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

โทรศัพท์มือถือเป็นยาเสพติด

การเกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนักศึกษาในวิทยาลัยโดยเฉลี่ยใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลากว่าเก้าชั่วโมงในแต่ละวัน
ซึ่งนั่นมีความยาวมากกว่าที่นักเรียนหลายๆคนทำการนอนหลับเสียอีก ในความจริงแล้ว การใช้งานโทรศัพท์มือถือที่มากเกินไปแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีสามารถที่จะเป็นสิ่งเสพติดได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ค้นพบจากการศึกษาใหม่ การเสพติดเป็นชนิดหนึ่งของอาการที่ควบคุมไม่ได้และไม่ดีต่อสุขภาพ
มันเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า มนุษย์สามารถเริ่มที่จะเสพติดยา เช่นแอลกอฮอล์ นาโคติค และนิโคตินในบุหรี่ได้ มนุษย์ก็ยังสามารถที่จะเสพติดการกระทำได้อีกด้วย” 
James Roberts กล่าว เขาเป็นศาสตราจารย์ทางด้านการตลาดที่ Baylor University ใน Waco รัฐเทกซัส Roberts ยังเป็นผู้นำการศึกษาใหม่ในครั้งนี้อีกด้วย มันถูกตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการระดับนานาชาติ Journal of Behavioral Addictions ในเดือนสิงหาคม ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือบางคนแสดงให้เห็นถึงอาการที่คล้ายกันกับการเสพติดยา Roberts อธิบาย คนกลุ่มหนึ่งใช้สมาร์ทโฟนเพื่อยกระดับทางด้านอารมณ์ และมันอาจจะใช้เวลามากขึ้นไปอีกกับโทรศัพท์เพื่อที่จะสร้างระดับความสุขของพวกเขา
สำหรับกลุ่มคนที่ทำโทรศัพท์หาย หรือแบตเตอรี่หมดสามารถก่อให้เกิดความกังวลและความตื่นตระหนกตกใจได้นั้น นั่นคืออาการขาดยารูปแบบหนึ่ง” Roberts กล่าว
การใช้งานโทรศัพท์ที่มากเกินไปสามารถที่จะรบกวนกิจกรรมปกติหรือก่อให้เกิดความขัดแย้งกับครอบครัวหรือบุคคลอื่นได้เขากล่าวเสริม แต่แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายทางสังคมเหล่านี้อยู่ คนส่วนมากไม่อาจจะตัดการใช้โทรศัพท์เป็นเวลานานได้ จริงๆแล้ว คนเราอาจจะไม่สามารถหยุดใช้พวกมันได้เลยเขากล่าว
การศึกษาใหม่ได้ขอให้นักศึกษาวิทยาลัยบอกเกี่ยวกับเวลาที่ใข้ในการทำกิจกรรมต่างๆกับโทรศัพท์มือถือของพวกเขา และยังถามถึงเกี่ยวกับความเห็นว่าพวกเขาเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหนกับข้อความแนะนำที่เกี่ยวกับอาการเสพติดที่เป็นไปได้ของโทรศัพท์มือถือ ฉันใช้เวลามากกว่าการใช้โทรศัพท์มือถือนี่คือข้อความที่หนึ่ง ฉันรู้สึกปั่นป่วนเมื่อโทรศัพท์มือถือของฉันไม่อยู่ในสายตานี่คือข้อความอีกอันหนึ่ง ยิ่งมีคนโทรเข้ามากเท่าไหร่ ยิ่งมีแนวโน้มที่พวกเขาจะแสดงอาการเสพติด
ข้อมูลที่ได้ยังมีความแตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายอีกด้วย
ในกลุ่มของผู้ชาย  สัญญาณที่เป็นได้ของอาการเสพติดจะเป็นความสัมพันธ์เชิงบวก หรือมีความสัมพันธ์กัน กับเวลาที่พวกเขาใช้ไปกับ Bible แอพพลิเคชั่นและแอพพลิเคชั่นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการอ่านหนังสือ เมื่อมีการใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นๆเพิ่มขึ้น ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเสพติด การใช้แอพพลิเคชั่นทางสังคมของผู้ชายนั้น เช่น facebook twitter และ instagram จะมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของอาการเสพติด
ผู้หญิง  มีแนวโน้มที่จะแสดงสัญญาณเสพติดถ้าพวกเขาใช้ Pinterest Instagram Amazon และแอพพลิเคชั่นที่ปล่อยให้พวกใช้มือถือของพวกเขาเองได้คล้ายกับไอพอด แอพพลิเคชั่น Bible Twitter Pandora และ Spotify แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบย้อนกลับ นั่นคือ การใช้งานแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นเป็นจำนวนมากจะสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่น้อยลงของการเสพติดโทรศัพท์มือถือ
ความสัมพันธ์นั้นไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ก่อเกิดสิ่งอื่น แต่ความสัมพันธ์เหล่านั้นสามารถที่จะนำมาซึ่งเบาะแสที่มีประโยชน์ Roberts กล่าวว่า ผลของการศึกษาชี้ให้เห็นถึงชนิดของรางวัล โดยในแต่ละเพศอาจจะค้นหาจากการใช้โทรศัพท์มือถือ ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีการใช้ของผู้ชาย จะมีมากในส่วนของความบันเทิงและการให้ข้อมูล
การใช้งานของผู้หญิงจะมีมากในส่วนของการรักษาและการบำรุงความสัมพันธ์ทางสังคมเขากล่าว ชนิดของกิจกรรมเหล่านี้บ่อยครั้งต้องใช้เวลาที่มาก และโดยเฉลี่ย ผู้หญิงจะใช้มือถือต่อวันนานกว่าผู้ชายใช้
แต่เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมากไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีอาการเสพติด
Tracii Ryan เป็นนักจิตวิทยาที่ RMIT University ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เธอยังเป็นผู้นำทางด้านการรายงานเกี่ยวกับการเสพติด facebook ซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารทางวิชาการ Journal of Behavioral Addictions “อาการขาดยาและการใช้ที่มากเกินไปเป็นสองอาการเสพติดที่ชัดเจนเธอชี้ให้เห็น แต่เธอกล่าวเสริมว่า ไม่ได้มีแค่สองอาการเท่านั้นที่จัดเป็นอาการในด้านการวินิจฉัย
Roberts แสดงความเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เขาชี้ให้เห็นว่า ไม่ได้มีการวัดที่ดีสำหรับการวัดปัจจัยทั้งหมดของการเสพติดโทรศัพท์มือถือ
Ryan ทำในจุดที่คล้ายๆกันเกี่ยวกับการศึกษาการเสพติด Facebook “นักวิจัยไม่ได้วัดอาการเสยพ์ติด facebook โดยใช้อาการเสพติดทั้งหมดที่ยอมรับได้เธอพูด การวิจัยที่มีความแน่นอนกว่านี้ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่
แต่รายงานของ Ryan ได้เสนอเหตุผลหลักว่าทำไมคนเราถึงใช้ facebook บางคนต้องการติดต่อกับเพื่อน บางคนต้องการเวลาที่ผ่านไปแล้ว บางคนต้องการความบันเทิง บางคนต้องการหาเพื่อนฝูง
หนึ่งในแรงจูงใจเหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดการยกระดับทางด้านอารมณ์ ซึ่งนำไปสู่การเสพติด facebook” Ryan กล่าว บางคนอาจจะเปลี่ยน facebook เป็นที่ผ่อนคลายความเหงา แต่บางคนอาจจะใช้เป็นช่องทางที่ก่อให้เกิดปัญหาก็ได้เช่นกัน
จุดสำคัญที่ได้จากสองการศึกษาคือ การใช้เทคโนโลยีสามารถก่อให้เกิดการเสพติดได้ในกลุ่มคนบางคน” Ryan กล่าว

นักวิจัยกล่าวว่า ให้จำไว้ว่า เทคโนโลยีช่วยพวกเราได้เมื่อมันเป็นแค่เครื่องมือ แต่ไม่ใช่เมื่อมันเป็นสิ่งเสพติดที่มีผลต่อสุขภาพ


ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vnews/500130

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น