วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การติดโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนอาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กและวัยรุ่น

             


             ในยุคปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน (smartphone) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น รวมไปถึงการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหลากหลายยี่ห้อ ทำให้จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากรายงานในปี ค.ศ. 2012 พบว่าวัยรุ่นอเมริกัน ร้อยละ 37 ครอบครองโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ.2011 กว่าร้อยละ 23 และมีถึงร้อยละ 95 ใช้บริการอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือของตน เช่นเดียวกันกับประเทศเกาหลี การใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ในเด็กและวัยรุ่น เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 7.5 ในปี ค.ศ.2009 เป็นร้อยละ 67 ในปี ค.ศ.2012

            Dr. Lee และคณะ ผู้ทำการศึกษาผลของการติดโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนในเด็กวัยรุ่นเกาหลี กล่าวว่า โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ทำให้เกิดความสะดวกและเพลิดเพลินแก่ผู้ใช้ ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ที่มากเกินไปได้ ในการศึกษาที่ได้ทำในเด็กวัยรุ่น 195 คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน โดยให้วัยรุ่นกลุ่มนี้ทำแบบทดสอบพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน 2010 Smart-phone Addiction Rating Scale (SARS) และ The Young Internet Addiction Scale (YIAS) และแบบทดสอบ Youth Self Report (K-YSR) เพื่อประเมินอาการทางจิตและปัญหาด้านพฤติกรรม จากผลการทดสอบพบว่าในวัยรุ่นแต่ละราย มีคะแนนจากแบบทดสอบทั้งสามไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นได้ทำการแบ่งกลุ่มวัยรุ่นออกเป็นสี่กลุ่มตามพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ดังนี้ 1) low Internet/low smartphone (low-low) users 2) high Internet/high smartphone (high-high) users 3) low Internet/high smartphone (low-high) users และ 4) high Internet/low smartphone (high-low) users

              ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนต่ำ มีคะแนนจากแบบทดสอบทั้งสามต่ำกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในทางตรงกันข้ามกลุ่มที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนสูง มีคะแนนจากแบบทดสอบสูงกว่ากลุ่มอื่น จากแบบทดสอบยังพบว่าในกลุ่มนี้มีอาการผิดปกติ เช่น อาการลงแดงหากไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต/โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน มีปัญหาทางการคิด มีอาการซึมเศร้าหรือกระวนกระวาย สมาธิสั้น และมีอารมณ์ฉุนเฉียวมากกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งมีโอกาสส่งผลต่อการเข้าสังคมและพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กได้
ที่มา : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/news_week_full.php?id=1132

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น