" การเป็นพ่อแม่ของลูกวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เนื่องจากสังคมสมัยนี้แวดล้อมไปด้วยสื่อเทคโนโลยีที่ชักชวนให้ลูกหลงไปในทางที่ผิด สิ่งหนึ่งที่ลูกวัยรุ่นต้องการ คือการเป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อนว่าตนเองเป็นคนทันสมัยและไม่เชย ซึ่งการใช้สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยดูเหมือนจะเป็นแฟชั่นที่นิยม และหากไม่มีใช้อาจดูเหมือนเชยและไม่ได้รับการยอมรับ "
ให้เรามาดูว่าวิธีช่วยเด็กๆ
ให้ลดการจ้องจอภาพเป็นเวลานานๆ สามารถทำได้อย่างไร
6. เปิดอกคุยกับลูก หากการตั้งกฎต่างๆ ใช้ไม่ได้ผลกับลูก
อาจถึงเวลาในการคุยกับลูกตรงๆ ถึงผลเสียของการเสพสื่อเทคโนโลยีต่างๆ
ให้ลูกค้นดูงานวิจัยมากมายถึงผลกระทบของการใช้สื่อมากเกินความจำเป็น เช่น
เป็นโรคอ้วน จอภาพสายตาเสื่อม เป็นโรคหัวใจเป็นต้น
เพื่อจะได้ตระหนักถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น
1. คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
ถึงแม้ว่าดูเหมือนลูกวัยรุ่นจะไม่สนใจในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังคงเป็นต้นแบบที่สำคัญที่สุดในชีวิตลูก
ดังนั้น เราไม่สามารถบอกให้ลูกหยุดเสพเทคโนโลยีต่างๆ
ได้หากตัวเราเองยังคงดูทีวีจนดึกดื่น
ส่งข้อความในขณะขับรถหรือมีมือถือไว้ข้างตัวขณะทานอาหาร จิตแพทย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า
หากเราลดปริมาณการดูหนังลง เด็กๆจะมีพฤติกรรมการติดหนังลดลงด้วย ดังนั้น
กฎข้อบังคับต่างๆที่ตั้งขึ้นมากมายเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือสื่อสารนั้น
ตัวเราเองต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
2. เตือนลูกถึงเวลาที่กำหนด
การงดไม่ให้ลูกเลิกเล่นเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก
แต่สิ่งที่สำคัญคือเตือนให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าลูกกำลังทำอะไรอยู่
บางครั้งอาจต้องเตือนลูกอย่างใจเย็นๆ ว่า “แม่คิดว่าลูกใช้เครื่องมือสื่อสารมากเกินไปแล้ว”
ดังนั้น
ถึงเวลาควรหยุดและทำอย่างอื่นบ้างได้แล้ว
3. สร้างแรงจูงใจให้ลูกออกกำลังกาย
เด็กวัยรุ่นหลายคนเลิกเล่นกีฬาช่วงวัยรุ่น คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างแรงจูงใจให้ลูกเลือกเล่นกีฬาที่ชอบ
หากเราอยากให้ลูกเล่นบาสเกตบอล แต่ลูกอยากว่ายน้ำ เราควรให้ลูกเป็นฝ่ายเลือก
และช่วยให้ลูกไปถึงเป้าหมายโดยการไปรับส่งและจัดตารางร่วมกันกับลูก
หากลูกชอบการดูดีวีดี คุณพ่อคุณแม่อาจสร้างแรงจูงใจให้ลูกโดยการจัดหาดีวีดี
เกี่ยวกับการออกกำลังกายและฝึกทำด้วยกันทั้งบ้านเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจที่สนุกกับลูก
4. พยายามสนับสนุนการทำกิจกรรมที่ได้เข้าสังคม
กิจกรรมหรือการเข้าร่วมในคลับช่วยให้ลูกได้มีโอกาสเข้าสังคม
และรู้จักการปรับตัวเข้ากับคนอื่น
ในกรณีที่ไม่สามารถชักจูงให้ลูกเข้าร่วมในคลับต่างๆ ได้
ให้ลูกเลือกทำกิจกรรมกับกลุ่มที่ลูกคุ้นเคยและสนใจก่อน เช่นร่วมกิจกรรมที่โรงเรียน
ทำกิจกรรมกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรืออาสาสมัครทำงานที่ลูกชอบเป็นต้น
5. มีข้อตกลงร่วมกันในการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น เขียนสัญญา
ข้อตกลงซึ่งเป็นกฎของบ้านร่วมกันกับลูกโดยการให้รางวัลหรือลงวินัยหากทำผิดกฎ
เพื่อให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วม ตัวอย่างข้อตกลงมีดังนี้
5.1 ห้ามส่งข้อความออนไลน์ในระหว่างทานอาหาร
ไม่ว่าเป็นที่บ้านหรือร้านอาหาร
5.2 ห้ามดูทีวีขณะรับประทานอาหาร
5.3 ต้องทำการบ้านหรืองานบ้านให้เสร็จก่อนดูทีวี
5.4 เมื่อถึงเวลานอนต้องปิดทีวี
5.5 ใช้คอมพิวเตอร์ได้ในห้องนั่งเล่น
5.6 ไม่ตั้งทีวีไว้ในห้องนอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น